เชิญติชมได้ที่เมล์นี้นะครับ

angel_memmory@hotmail.com

มีอะไรใหม่

วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2552

พระเยซูคริสต์ พระคำของพระเจ้า


พระเยซูคริสต์ พระคำของพระเจ้า

โดย โรเบิร์ต จี บาร์บาร์เรีย

สามชื่อที่ได้เอ่ยถึง พระเยซูคริสต์ ,พระคำของพระเจ้า และพระคำภีร์ไบเบิ้ลบริสุทธิ์(คิงเจมส 1611) ทั้งสามมีความหมายเหมือนกัน เกี่ยวข้องกันในแต่ละความหมาย ทุกสิ่งที่อ้างอิง กล่าว ถึงในพระคำภีร์ไบเบื้ล หรือในหนังสือทั้งสามเล่มที่ผมได้เขียน หนึ่งในสามเล่มสามารถที่จะโยงความหมายแลกเปลี่ยนกันได้ จากเล่มหนึ่งไปอีกเล่มหนึ่ง ไม่มีอะไรในชีวิตของเราที่จะสำคัญ ไปกว่าที่จะเรียนรู้จัก สามชื่อนี้ พระเยซูคริสต์ พระคำของพระเจ้าและพระคำภีร์ไบเบิ้ลบริสุทธิ์ ทั้งหมดที่กล่าวมามีความหมายแบบเดียวกัน นี้คือเหตุผลว่าทำไมในพระกิติคุณ ยอห์น ได้กล่าวไว้ในลักษณะนี้

พระเยซูเป็นพระวาทะของพระเจ้า(Christ, the Word of God)
ยอห์น 1:1 ในเริ่มแรกนั้นพระวาทะทรงเป็นอยู่แล้ว และพระวาทะทรงอยู่กับพระเจ้า และพระวาทะทรงเป็นพระเจ้า

ยอห์น 1:2 ในเริ่มแรกนั้นพระองค์นั้นทรงอยู่กับพระเจ้า

พระเยซู ผู้เนรมิตสร้างสิ่งสารพัด (Christ, Creator of All Things)
ยอห์น 1:3 พระองค์ทรงสร้างสิ่งทั้งปวงขึ้นมา และในบรรดาสิ่งที่เป็นมานั้น ไม่มีสักสิ่งเดียวที่ได้เป็นมานอกเหนือพระองค์

ยอห์น 1:4 ในพระองค์มีชีวิต และชีวิตนั้นเป็นความสว่างของมนุษย์ทั้งปวง

ยอห์น 1:5 ความสว่างนั้นส่องเข้ามาในความมืด และความมืดหาได้เข้าใจความสว่างไม่

พระเยซูทรงรับสภาพมนุษย์ (Christ Is Made Man)
ยอห์น 1:14 พระวาทะได้ทรงสภาพของเนื้อหนัง และทรงอยู่ท่ามกลางเรา (และเราทั้งหลายได้เห็นสง่าราศีของพระองค์ คือสง่าราศีอันสมกับพระบุตรองค์เดียวที่บังเกิดจากพระบิดา) บริบูรณ์ด้วยพระคุณและความ

พระ กิติคุณยอห์น ได้เปิดเผยด้วยเหตุผลเจาะจงโดยเฉพาะ และ นี้คือเหตุผลว่าทำไมผมเริ่มต้นอธิบายด้วยหนังสือยอห์นบทที่หนึ่ง เมื่อไรที่พระเยซูทำการอ้างอิงเกี่ยวกับตัวของพระเยซูคริสต์เอง ในการเขียนหนังสือ(เรื่องราวที่พระองค์ตัวเองเป็นผู้สอน) พระองค์ จะกล่าวถึง อ้างอิงถึงพระคำของพระเจ้า และโยงมาถึงพระคำภีร์ไบเบิ้ล และชื่อทั้งสาม จะมีแลกเปลี่ยนความหมายโยงเกี่ยวข้องกัน ทั้วไปทั้งบทความ ในหนังสือที่ได้เขียนขึ้น ไม่ใช่การประกาศเทศนาสั่งสอน ที่เกิดจากความคิด คำพูดของมนุษย์ (ช่วยเราไม่ได้) ให้พวกเรามาดูข้อความในพระคำภีร์

ยอห์น 5 :37 และพระบิดาผู้ทรงใช้เรามา พระองค์เองก็ได้ทรงเป็นพยานถึงเรา ท่านทั้งหลายไม่เคยได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ และไม่เคยเห็นรูปร่างของพระองค์

ยอห์น 5:38 และท่านทั้งหลายไม่มีพระดำรัสของพระองค์อยู่ในตัวท่าน เพราะว่าท่านทั้งหลายมิได้เชื่อในพระองค์ผู้ที่พระบิดาทรงใช้มา

ยอห์น 5:39 จงค้นดูในพระคัมภีร์ เพราะท่านคิดว่าในพระคัมภีร์นั้นมีชีวิตนิรันดร์ และพระคัมภีร์นั้นเป็นพยานถึงเรา

ยอห์น 5:40 แต่ท่านทั้งหลายไม่ยอมมาหาเราเพื่อจะได้

โดย พระเยซูคริสต์เป็นพระคำของพระเจ้า และพระคำภีร์ไบเบิ้ล พระองค์ได้กล่าวพูดถึง ในหนังสือยอห์น บทที่หนึ่ง ว่า พระเจ้าส่งพระคำของพระเจ้ามาสู่โลก โดยทางพระองค์ ดังนั้นถ้าผู้ใดปฏิเสธพระองค์ ก็จะปฏิเสธ พระคำของพระเจ้า พระองค์ได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ถ้าพระคำของพระเจ้าไม่ได้อาศัยอยู่ในท่าน ท่านก็จะไม่มีสถานที่สำหรับ ชีวิตนิรันดร์ นั้นหมายถึงสถานที่อยู่บนสวรรค์(ไม่ได้เข้าอยู่บนสวรรค์)

เราได้บอกท่านแล้วว่า ผู้ที่มีจิตวิญญาณที่ได้รับการอวยพร (The BLESSED SOUL) นั้นมีพระคำของพระเจ้า เป็นรหัสลับอยู่ภายในตัวของท่าน ซึ่งพระคำของพระเจ้าทั้งหมด ได้บรรจุนั้นอยู่ในจิตวิญญาณ ดังนั้นถ้าท่านเป็นจิตวิญญาณที่ได้รับการอวยพร พระ คำของพระเจ้าได้อยู่ในท่าน และมีเพียงการอ่านพระคำของพระเจ้า พระคำภีร์ไบเบิ้ลเท่านั้น ที่จะสามารถปลุกจิตวิญญาณให้ตื่นขึ้นมา และโดยพระคำภีร์ที่เป็นคำสอนนี้เป็นรหัสลับอยู่ในนั้น ดังนั้นทำไมพระคำภีร์จึงได้บอกว่า และท่าน ไม่มาหาเรา(พระเยซูคริสต์)เพื่อที่จะได้ชีวิต ความหมายนั้นก็คือ คนที่ไม่ได้อ่านพระคำภีร์ไบเบิ้ล นั้นพวกเขาไม่สามารถได้รับความรอด (รอดจากบึงไฟนรกนิรันดร์)

ยอห์น 5:41 เราไม่รับเกียรติจากมนุษย์

ยอห์น 5:42 แต่เรารู้ว่าท่านไม่มีความรักพระเจ้าในตัวท่าน
ยอห์น 5:43 เราได้มาในพระนามพระบิดาของเรา และท่านทั้งหลายมิได้รับเรา ถ้าผู้อื่นจะมาในนามของเขาเอง ท่านทั้งหลายก็จะรับผู้นั้น
ยอห์น 5:44 ผู้ที่ได้รับยศศักดิ์จากกันเอง และมิได้แสวงหายศศักดิ์ซึ่งมาจากพระเจ้าเท่านั้น ท่านจะเชื่อผู้นั้นได้อย่างไร


ใน พระคำภีร์ที่ถูกได้เขียนขึ้นมา พระเยซูคริสต์ได้บอกประชาชนว่า พวกเขาหรือผู้นำคนที่สอนศาสนาของพวกเขา ไม่ได้ให้เกียรติแก่พระองค์ หรือมอบวิญญาณตัวเองถวายแด่พระเจ้า เพราะพวกเขาปฏิเสธที่จะเชื่อในสิ่งที่พระองค์ได้พูดกล่าวไว้ ถึงแม้ว่าพระองค์ได้ถูกส่งมาจากพระเจ้าและพระเจ้าได้ประทานคำพูดให้กับพระ เยซูคริสต์ที่จะพูดออกไป และถ้าบางคนที่ไม่ใช่พระเยซูคริสต์ได้มาพบพวกเขาโดยการแนะนำ ให้พวกเขามอบถวายตัวแก่พวกคนที่เป็นผู้นำสอนศาสนาที่ดูเคร่งครัด(ฟาริสี) ผู้ซึ่งเป็นคนที่มีอำนาจ เป็นคนที่บอกกล่าวเรื่องอะไรก็แล้วแต่พวกเขาเหล่านั้นก็จะเชื่อถือ

ยอห์น 5:45 อย่าคิดว่าเราจะฟ้องท่านทั้งหลายต่อพระบิดา มีผู้ฟ้องท่านแล้ว คือโมเสส ผู้ซึ่งท่านทั้งหลายหวังใจอยู่
ยอห์น 5:46 ถ้าท่านทั้งหลายเชื่อโมเสส ท่านทั้งหลายก็จะเชื่อเรา เพราะโมเสสได้เขียนกล่าวถึงเรา

ยอห์น 5:47 แต่ถ้าท่านทั้งหลายไม่เชื่อเรื่องที่โมเสสเขียนแล้ว ท่านจะเชื่อถ้อยคำของเราอย่างไรได้"


คน ยิวได้พูดอย่างตอบพระเยซูคริสต์อย่างรวดเร็วว่าเขาได้เชื่อในโมเสสอย่างไร และสิ่งที่โมเสสได้เขียน แต่พวกเขาไม่ได้เชื่อในพระเยซูคริสต์พูดบอกไป พระ เยซูคริสต์ได้บอกในพระคำภีร์ว่า พระองค์จะไม่เป็นคนที่กล่าวโทษพวกเขาต่อหน้าพระเจ้า เพราะเขาได้ขาดความเชื่อ แต่จะเป็นโมเสสที่จะกล่าวโทษพวกเขาต่อหน้าพระเจ้า เพราะโมเสสได้เขียนเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ สิ่งที่มากกว่า นั้นคือ ทั้งสองสิ่งคือที่พระเยซูคริสต์ได้กล่าวไปและที่โมเสสได้เขียนไว้ เป็นหนึ่งเดี่ยวกัน และเหมือนกัน พระเยซูคริสต์ได้กล่าวเพิ่มเติ่มในพระคำภีร์นั้นหมายถึง พวกเขาได้ปฏิเสธพระองค์และคำพูดของพระองค์ พวกเขาเหล่านั้นก็ปฏิเสธคำพูดของโมเสสที่เขียนไว้ และเพราะทั้งสอง คือสิ่งที่โมเสสเขียนและคำพูดของพระเยซูคริสต์ นั้นเป็นพระคำของพระเจ้า

หมายเหตุ ถ้าท่านได้ อ่านดูพระคำภีร์ที่โมเสสได้เขียน ท่านจะเห็นว่า ชื่อพระเยซูคริสต์ ไม่ได้กล่าวถึงสักหนึ่งครั้ง ในพระคำภีร์ ดังนั้นทำไมพระเยซูคริสต์ถึงสามารถพูดได้ว่า ด้วยความจริงทั้งหมดก็คือ โมเสสได้เขียนเกี่ยวกับพระองค์

คำ ตอบของคำถามนี้อย่างง่ายๆก็คือ โมเสสเขียนพระคำของพระเจ้า ดังนั้น ผู้ใดก็ตามที่เขียนพระคำของพระเจ้า ไม่ว่าจะเป็น โมเสส หรือ โยชูวา หรือ ผู้พยากรณ์อื่นๆ หรือผู้เขียนบันทึกเรื่องราวของพระคำภีร์ไบเบิ้ล พวกเขาทั้งหมดได้เขียนถึงพระเยซูคริสต์ เพราะพระองค์คือเป็นคำของพระเจ้า

เมื่อพระเยซูคริสต์ได้กล่าวอ้างอิงว่าเกี่ยวกับพระองค์เอง ในพระคำภีร์ เช่น พระองค์ เป็นผู้เลี้ยงแกะ หรือเป็นประตูของแกะทั้งหลาย พระองค์ได้อ้างอิงไว้ในพระคำภีร์ โดยพระเยซูคริสต์เป็นพระคำของพระเจ้า พระคำภีร์ไบเบิ้ลสามารถมองเห็นพระเยซูคริสต์เป็นทั้งจิตวิญญาณและเป็นรูป ร่างที่สัมผัสได้ ทั่วทั้งหมดในพระคำภีร์ที่สอนไว้ พระเยซูคริสต์เป็นกุญแจไปสู่ การมีชีวิตนิรันดร์ โดยการรับความรอดจากพระคุณความเมตตา และกุญแจทั้งหมดเหล่านี้ ได้บรรจุอยู่ในคำสอนเขียนไว้ในพระคำภีร์ ไบเบิ้ล

พระ คำภีร์ไบเบิ้ลเป็นหลักฐานอ้างอิงในตัวบทของพระคำเอง สิ่งนี้หมายถึงพระคำภีร์สามารถยืนยันความจริงในตัวบทของพระคำภีร์เอง และได้เป็นพยานด้วยตัวเอง ไม่เหมือนกับหนังสืออื่นๆที่ต้องการแหล่งที่มาของความจริงต่างๆเพื่อที่จะสนับสนุนส่งเสริม ข้อความเหล่านั้น พระคำภีร์ไบเบิ้ลได้สนับสนุน ยืนยันข้อความในตัวบทพระคำภีร์เองนี้เป็นเพราะว่า วันเวลาและประวัติศาสตร์ ได้สนันสนุนข้อความของผู้พยากรณ์เรื่องราวในอนาคตไว้ ในพระคำภีร์

ถ้า ผมได้บอกท่านบางสิ่งบางอย่างก่อนที่จะเกิดขึ้นอีกไม่นาน และหลังจากนั้นสิบวันเหตุการณ์ที่ว่านั้นได้เกิดขึ้น ว่าสิ่งที่ผมได้บอกนั้นได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว ดังนั้นจะมีหลักฐานเพิ่มเติมในการสนันสนุนอ้างอิงว่าเป็นจริง นั้นจำเป็นที่จะต้องมีการยืนยันในสิ่งที่ผมได้พูดกล่าวไป ใช่ไหม ?

ยอห์น 8:13 พวกฟาริสีจึงกล่าวกับพระองค์ว่า "ท่านเป็นพยานให้แก่ตัวเอง คำพยานของท่านไม่เป็นความจริง

ยอห์น 8:14 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "แม้เราเป็นพยานให้แก่ตัวเราเอง คำพยานของเราก็เป็นความจริง เพราะเรารู้ว่าเรามาจากไหนและจะไปที่ไหน แต่พวกท่านไม่รู้ว่าเรามาจากไหนและจะไปที่ไหน

ยอห์น 8:15ท่านทั้งหลายย่อมพิพากษาตามเนื้อหนัง เรามิได้พิพากษาผู้ใด

ยอห์น 8:16 แต่ถึงแม้ว่าเราจะพิพากษา การพิพากษาของเราก็ถูกต้อง เพราะเรามิได้พิพากษาโดยลำพัง แต่เราพิพากษาร่วมกับพระบิดาผู้ทรงใช้เรามา

ยอห์น 8:17 ในพระราชบัญญัติของท่านก็มีคำเขียนไว้ว่า `คำพยานของสองคนก็เป็นความจริง' ยอห์น 8:18 เราเป็นพยานให้แก่ตัวเราเองและพระบิดาผู้ทรงใช้เรามาก็เป็นพยานให้แก่เรา"


พระ คำภีร์บทที่ได้กล่าวถึงพระเยซูคริสต์ได้บอกเกี่ยวกับพระองค์เป็นบุคคล และพระองค์เป็นพระคำภีร์ไบเบื้ลบริสุทธิ์ พระเยซูคริสต์กล่าวว่า พระองค์เองได้เป็นพยานแก่พระองค์เอง เหมือนที่พระคำภีร์ไบเบิ้ลตัวเองได้เป็นพยานบันทึกด้วยตัวของพระคำภีร์เอง พระเยซูคริสต์กล่าวบอกว่า พระองค์รู้ว่าพระองค์มาจากไหนและพระองค์จะกลับไปที่ไหน เพราะพระองค์รู้พระคำภีร์และพระคำภีร์ได้บอกไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าพระเยซู คริสต์จะไปไหนและจะเสด็จมา ณ ตอนไหน พระองค์ยังได้กล่าวเพิ่มอีกว่า พระองค์ไม่จำเป็นต้องให้ใครคนไหนมาพิสูจน์ความจริงในคำพูดของพระองค์ เพราะว่าพระคำในตัวเองได้เปิดเผยความจริง พิสูจน์ว่าเป็นจริง เมื่อครั้งหนึ่ง คำทำนาย คำพยากรณ์นั้นได้ถูกต้องแม่นยำและกลายเป็นอดีตไปแล้ว

ประตูของแกะ

เมื่อ พระเยซูคริสต์ได้กล่าวถึง ประตูของแกะทั้งหลาย พระองค์ได้หมายถึง พระคำของพระเจ้า เป็นประตูของการไปสู่ชีวิตนิรันดร์ (ชีวิตอมตะ) พระเยซูคริสต์ได้บอกว่า ไม่มีประตูอื่นที่จะไปสู่ชีวิตนิรันดร์ นอกจากประตูนี้ และนี้คือประตูเดียวกันกับพระองค์ได้เข้าไป

พระเยซูเป็นผู้เลี้ยงที่ดี (Jesus, the Good Shepherd)
ยอห์น 10:1 "เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ผู้ที่มิได้เข้าไปในคอกแกะทางประตู แต่ปีนเข้าไปทางอื่นนั้นเป็นขโมยและโจร

ยอห์น 10:2 แต่ผู้ที่เข้าทางประตูก็เป็นผู้เลี้ยงแกะ


ยอห์น 10:3 นายประตูจึงเปิดประตูให้ผู้นั้น และแกะย่อมฟังเสียงของท่าน ท่านเรียกชื่อแกะของท่าน และนำออกไป

ยอห์น 10:4 เมื่อท่านต้อนแกะของท่านออกไปแล้วก็เดินนำหน้า และแกะก็ตามท่านไปเพราะรู้จักเสียงของท่าน

ยอห์น 10:5 คนแปลกหน้าแกะจะไม่ตามเลย แต่จะหนีไปจากเขา เพราะไม่รู้จักเสียงของคนแปลกหน้า"

พระ เยซูคริสต์ได้กล่าวต่อไปอีกว่า พระคำภีร์ที่เขียนขึ้นเป็นทางเดียวที่จะไปสู่ชีวิตอมตะ ชีวิตนิรันดร์ โดยทางพระคำของพระเจ้า พระคำภีร์ไบเบิ้ล พระเยซูคริสต์พระองค์ได้ตรัสว่านี้คือประตูทางเข้าที่พระองค์ได้เข้ามา และลูกแกะของพระองค์จะเข้าไปทางประตูเดียวกันกับพระองค์ พระองค์ตรัสต่อไปว่า มีเพียงลูกแกะของพระองค์เท่านั้น ที่จะไม่ถูกหลอกลวง ไม่สามารถหลอกได้ จากความหมายคำสอนที่ผิดเพี้ยน หรือ ความ ไม่สัตย์ซื่อ ไม่เทียงตรงของการตีความหมายของพระคำของพระเจ้า เพราะสำหรับผู้ที่ได้ยินเสียงพระองค์ นั้นคือได้ยินความจริง เป็นความจริง

ยอห์น 10:7 พระเยซูจึงตรัสกับเขาอีกว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านว่า เราเป็นประตูของแกะทั้งหลาย

ยอห์น 10:8 บรรดาผู้ที่มาก่อนเรานั้นเป็นขโมยและโจร แต่ฝูงแกะก็มิได้ฟังเขา

ยอห์น 10:9 เราเป็นประตู ถ้าผู้ใดเข้าไปทางเรา ผู้นั้นจะรอด และเขาจะเข้าออก แล้วจะพบอาหาร

พระเยซูคริสต์ได้ตรัสกล่าวไว้ ข้อความที่ได้บรรจุไว้ในพระคำภีร์แต่ละบทของพระคำภีร์ไบเบิ้ลคิงเจมเวอร์ชั้นภาษาอังกฤษ KJV 1611 หนังสือทั้งหมดเป็นพระคำของพระเจ้า หนังสือพระภีร์ไบเบิ้ลอื่นๆที่บอกว่าเป็นพระคำของพระเจ้านั้นไม่ใช่ทั้งหมด และมีการแปลความหมายพระคำภีร์ที่ผิดไปจากความหมายเดิม นอกจากนี้พระเยซูคริสต์ยังบอกต่อไปอีกว่า ผู้ใดได้วางใจเชื่อถือพระคำภีร์ไบเบิ้ลเวอร์ชั้นภาษาอังกฤษ KJV 1611 นั้น คือได้วางใจและเชื่อถือในพระองค์ และพวกเขาจะได้รับความรอด พระเจ้าตรัสดังนี้ พวกเขาเหล่านั้นจะเห็นการมีชีวิตนิรันดร์ (ชีวิตอมตะ) และจะไม่มีทางอื่น นอกจากทางประตูนี้ และมีเพียงประตูเดียวเท่านั้นที่จะอนุญาติให้เข้ามา(รับชีวิตนิรันดร์) พระเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่างตรัสดังนี้

ยอห์น 10:10 ขโมยนั้นย่อมมาเพื่อจะลักและฆ่าและทำลายเสีย เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และจะได้อย่างครบบริบูรณ์

ยอห์น 10:11 เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี ผู้เลี้ยงที่ดีนั้นย่อมสละชีวิตของตนเพื่อฝูงแกะ

ผู้ใดที่ได้เปลิ่ยนแปลง แก้ไข ข้อความในพระคำภีร์ไบเบิ้ล นอกเสียจากพระคำภีร์ไบเบิ้ลคิงเจมเวอร์ชั้นภาษาอังกฤษ KJV 1611 นั้นคือการแปลความหมายตีความ พระคำภีร์ผิดเพี้ยน ไปจากพระคำของพระเจ้า พระ เจ้าได้บอกผมว่า ผู้ใดที่เปลี่ยนหรือเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยน แก้ไขพระคำของพระเจ้า เท่าที่เขียนไว้ใน พระคำภีร์ไบเบิ้ลคิงเจมเวอร์ชั้นภาษาอังกฤษ KJV 1611 จะไปตกอยู่ในไฟนรกเพราะการกระทำนั้น นั้นหมายความว่า แม้แต่หนึ่งจุด หนึ่งคำที่ได้เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือหนึ่งคำที่เพิ่มไปจากพระคำภีร์ไบเบิ้ลคิงเจมเวอร์ชั้นภาษาอังกฤษ KJV 1611 ทุกคนทั้งหมดที่ได้เกี่ยวข้องในสิ่งที่น่ารังเกียจนี้ จะไปตกนรก พระเจ้าของเจ้าตรัสดังนี้


1 ความคิดเห็น: