มนุษย์คิดอะไรก็ออกมาเป็นตามที่เขาคิด ตอนสาม

มนุษย์คิดอะไรก็ออกมาเป็นตามที่เขาคิด ตอนที่ 3

นิมิตรความคิดของมนุษย์ มนุษย์คิดอะไรก็(กระทำ)ออกมาเป็นตามที่เขาคิด

ตอนที่สาม

เราพระเยซูคริสต์ ได้เข้ามาในโลกนี้ เพื่อที่จะให้มนุษย์เลือกระหว่าง ความตายกับการมีชีวิต ?

เราได้เข้ามาในโลกนี้ เพื่อที่จะให้มนุษย์เลือกระหว่าง ความตายกับการมีชีวิต ?เรา ได้จัดตั้งให้เจ้าก่อนหน้านี้ตั้งแต่แรกเริ่มที่จะให้เลือกระหว่าง การชีวิต กับความตาย (ผลไม้แห่งชีวิตและผลไม้แห่งความรู้ดีรู้ชั่ว)ใช่ไหม ? เราให้เจ้าสามารถที่เข้าใจที่จะเลือกระหว่าง ความตายกับการมีชีวิต ใช่ไหม ? เราไม่ได้มอบให้เจ้าสามารถที่จะมีสิทธิ์เลือกในแต่ละคนว่า ใครที่เจ้าจะเลือกติดตามผู้ซึ่งเป็น คำพูด/ความคิด (words/thoughts) ที่เจ้าปรารถนาที่จะเชื่อ ตัดสินใจเลือกระหว่าง คำพูด/ความคิด ในความคิดฝ่ายเนื้อหนัง หรือ คำพูด/ความคิด ที่อาศัยอยู่ในความคิดฝ่ายวิญญาณ ?

การ มีชีวิตที่ไม่ได้ออกจากธรรมชาติ เพราะสำหรับความตายคือความคิดที่ซึ่งความคิดฝ่ายเนื้อหนังได้รู้จักอยู่ใน ความรู้สึกธรรมชาติในความคิดของมนุษย์ทุกคน เราไม่ใช่ คำพูด/ความคิด ที่ซึ่ง ในธรรมชาติความคิดของมนุษย์คิดว่าถูกต้อง(ปรารถนาว่าถูกต้อง) แต่เราเป็น คำพูด/ความคิด ของความจริงที่ซึ่งทำให้มนุษย์เป็นอิสระจากความน่าเวทนา, ทนทุกข์ลำบาก สับสนวุ่นวายทำลายตัวเองที่ กักขัง เป็นเชลยอยู่ในความคิดของฝ่ายเนื้อหนัง

เรา เป็นคำพูดที่สร้างเป็นเนื้อหนัง คำพูดที่ซึ่งเต็มไปด้วยพระคุณและความจริง เราเป็นคำพูดที่มอบชีวิตมาเพื่อที่จะไถ่พวกเขาเหล่านั้นออกจากความคิดฝ่าย เนื้อหนัง ผู้ซึ่งได้เกลียดคำปรึกษาของความตาย แต่ใครละจะเป็นผู้ซึ่งได้เลือกที่จะมีเรา เพื่อที่จะเป็น คำพูด/ความคิด ของพวกเขา เราเป็นความจริงที่ทำให้เป็นอิสระ แต่ใครละจะเลือกเรา เขาเหล่านั้นผู้ซึ่งเลือกที่จะรักในความจริงของการมีชีวิต และพวกเขาเหล่านั้นผู้ซึ่งไม่ได้เลือกเรารักใน ความตาย ที่จะปกครองอยู่เหนือการมีชีวิตอยู่บนโลก เราพูดความจริงแต่หลายคนด้วยหัวใจที่แข็งกระด้างของพวกเขา เมื่อพวกเขาได้ยินเสียง คำพูด/ความคิด ของเรา เพราะว่าพวกเขาไม่ได้ปรารถนาอยู่ในหัวใจและความคิดของเขา เพื่อที่จะรับ หรือเพื่อที่จะเชื่อ คำพูด/ความคิด ของเรา เพราะสิ่งเหล่านี้ที่เป็นคำพูด/ความคิดของเรานั้น เป็นสิ่งที่แตกต่างจากพวกเขา และแปลกปะหลาดต่อพวกเขา

พระราชบัญญัติ 30:19 ข้าพเจ้า ขออัญเชิญสวรรค์และโลกให้เป็นพยานต่อท่านในวันนี้ว่า ข้าพเจ้าตั้งชีวิตและความตาย พระพรและคำสาปแช่งไว้ต่อหน้าท่าน เพราะฉะนั้นท่านจงเลือกเอาข้างชีวิตเพื่อท่านและเชื้อสายของท่านจะได้มี ชีวิตอยู่ 30:20 ด้วย มีความรักต่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์ และติดสนิทอยู่กับพระองค์ เพราะพระองค์ทรงเป็นชีวิตและความยืนนานของท่าน เพื่อท่านจะได้อยู่ในแผ่นดินซึ่งพระเยโฮวาห์ปฏิญาณแก่บรรพบุรุษของท่าน คือแก่อับราฮัม แก่อิสอัค และแก่ยาโคบ ว่าจะประทานแก่ท่านเหล่านั้น"

สุภาษิต 8:36 แต่ผู้ที่พลาดขาดเราก็กระทำจิตใจตัวเอง(ดวงวิญญาณ)ของตัวเองให้เจ็บ บรรดาผู้ที่เกลียดชังเราก็รักความมรณา(ความตาย)"

ยอห์น 8:31 พระเยซูจึงตรัสกับพวกยิวที่เชื่อในพระองค์แล้วว่า "ถ้าท่านทั้งหลายดำรงอยู่ในคำของเรา ท่านก็เป็นสาวกของเราอย่างแท้จริง

สุภาษิต 16:3 จงมอบงานของเจ้าไว้กับพระเยโฮวาห์ และแผนงานของเจ้าจะได้รับการสถาปนาไว้

บัดนี้อีกครั้ง เราต้องการตักเตือนเจ้าที่ซึ่งครั้งหนึ่งเราได้เคยสอนเจ้า ที่ซึ่ง คำพูด/ ความคิด ของพระเจ้า และ คำพูด/ความคิด ของซาตาน ไม่ได้นั่งอยู่ในความสมดุลในการได้ที่มนุษย์สามารถที่จะได้ยินเสียง เพราะว่ามนุษย์ได้ถูกสร้างมาจากดินของบนโลก โดยเหตุผลนี้ ธรรมชาติของมนุษย์นั้นจะรักตัวเอง เหมือนเป็นชีวิตที่ซึ่งได้จดจ่อเป็นเป้าหมายในโกหกทั้งหมด ดังที่มีพระคำภีร์เขียนไว้ว่า ไม่มีผู้ใดเกลียดตัวของพวกเขาเอง แต่มนุษย์ซึ่งได้ถูกสร้างมาจากดินที่ต่ำต้อยของโลก ที่ซึ่งซาตานสามารถอาศัยอยู่(เข้าสิง)ในร่างดินของมนุษย์ได้ เห็นไหมที่พวกเขาซาตานได้ถูกขับไล่ออกจากสวรรค์ พวกซาตานได้ลงอยู่มาบนโลก นี้คือแร่ธาตุดินบนโลกจากที่ซึ่งอาดัมและอิฟได้ถูกสร้างขึ้นมา ได้นำความปรารถนามาให้อาดัมและอีฟ เพื่อที่จะเชื่อในการโกหกของซาตาน

ถึงแม้ว่าเราได้สร้าง อาดัมหลังจากในรูปร่างของ คำพูด/ความคิด ของเรา แต่สิ่งแวดล้อมนั้นอยู่ด้วยโดยภาชนะของโลกที่ซึ่ง อดีต/ปัจ จบัน นั้นคือมองเป้าหมายไปที่ความต้องการความปรารถนาของโลก ด้วยเหตุนี้ โดยเหตุผลของแร่ธาตุที่สร้างอาดัมนั้นมาจากดิน ที่ซึ่งได้ปลุกเร้าหัวใจของพวกเขาที่จะเชื่อในการโกหกของซาตาน และเมื่องูได้วางเมล็ดพันธ์ของคำพูดของซาตานในหัวใจของ อีฟ จากนั้นซาตานได้จากไป รู้ว่าจากนั้นปล่อยไปสักระยะหนึ่งเพียงเวลาไม่นาน คำพูดโกหกของซาตานก็จะปลุกเร้า กระตุ้น แร่ธาตุที่สร้างมาจากดินจากการนอนหลับของพวกเขา และจากนั้นที่ออกมาเป็นสิ่งของความปรารถนาที่อยู่ในโลก ที่ซึ่งได้ทดลองทั้งหมดผู้ซึ่งเชื่อคำพูดโกหกของซาตาน นั้นถูกต้องและเป็นความจริง เพราะสำหรับความปรารถนาในโลกนี้เท่านั้นจะทำให้มนุษย์เชื่อในคำโกหกต่างๆ

จาก วันนั้น ไม่เคยอีกเลยที่อาดัมและอีฟจะได้ยินเสียงของการโกหกใดๆ เช่นเดียวกันกับได้ยังคงเก็บรักษาไว้อยู่ในการนอนหลับที่ซึ่งเป็นความ ปรารถนาของโลกนี้ และความสนองกิเลส ความอยาก ที่อาศัยอยู่ในภาชนะของโลก(ร่างดิน)นี้ แต่บัดนี้ที่ซึ่งแร่ธาตุในโลกได้ถูกอารมณ์ปลุกเล้าที่การอาศัยอยู่ในร่าง นั้น พวกเขาได้เริ่มต้นที่เอาคำพูดที่ซาตานได้หว่านไว้นั้นมาผสมกับความปรารถนาของพวกเขา(อาดัมและอีฟ และหมายถึงมนุษย์บนโลก)ด้วย เมล็ดการโกหกของคำพูดซาตานออกมาเป็นความเชื่อ และเมื่อพวกเขาได้เริ่มต้นเชื่อ จากนั้นที่ซึ่งออกมาคือการกระทำที่ต้องห้ามนั้นได้เริ่มต้นเกิดขึ้น ปรากฏเป็นสิ่งพวกเขาจะได้ชอบในสายตาของพวกเขาเอง และเมื่อพวกเขาได้กระทำบาปต่อพระเจ้า ความตายนั้นได้มาอย่างฉับพลันอยู่เหนือพวกเขา ความตายผู้ซึ่งธรรมชาตินั้นได้เป็นกบฏ ดื้นด้าน ต่อต้านพระเจ้าและทุกสิ่งที่เป็นของพระเจ้า

The Fall of Man การล้มลงในความบาปของมนุษย์
ปฐมกาล 3:6 เมื่อหญิงนั้นเห็นว่า ต้นไม้นั้นเหมาะสำหรับเป็นอาหารและมันงามน่าดู และต้นไม้ต้นนั้นเป็นที่น่าปรารถนาเพื่อให้เกิดปัญญา หญิงจึงเก็บผลไม้นั้นแล้วกินเข้าไป แล้วส่งให้สามีของนางด้วย และเขาได้กิน 3:7 ตาของเขาทั้งสองก็สว่างขึ้น เขาจึงรู้ว่าเขาเปลือยกายอยู่ และเขาทั้งสองก็เอาใบมะเดื่อมาเย็บเป็นเครื่องปกปิดอวัยวะส่วนล่างของเขาไว้

กาลาเทีย 4:3 ฝ่ายเราก็เหมือนกัน เมื่อเป็นเด็กอยู่ เราก็เป็นทาสอยู่ใต้บังคับโลกธรรม 4:4 แต่เมื่อครบกำหนดแล้ว พระเจ้าก็ทรงใช้พระบุตรของพระองค์มาประสูติจากสตรีเพศ และทรงถือกำเนิดใต้พระราชบัญญัติ 4:5 เพื่อจะทรงไถ่คนเหล่านั้นที่อยู่ใต้พระราชบัญญัติ เพื่อให้เราได้รับฐานะเป็นบุตร

วิวรณ์ 12:8 แต่ฝ่ายพญานาคแพ้ และพวกพญานาคไม่มีที่อยู่ในสวรรค์อีกเลย 12:9 พญา นาคใหญ่ซึ่งเป็นงูดึกดำบรรพ์ ที่เขาเรียกกันว่า พญามารและซาตาน ผู้ล่อลวงมนุษย์ทั้งโลก พญานาคและพวกทูตของมันก็ถูกผลักทิ้งลงมาในแผ่นดินโลก

ยูดา 1:10 แต่ ว่าคนเหล่านี้พูดให้ร้ายถึงสิ่งที่เขาเองไม่รู้จัก แต่ได้กระทำตามสิ่งที่ตนเองรู้จักตามสัญชาตญาณ เหมือนสัตว์เดียรัจฉานที่ไม่มีความคิด เขาได้กระทำให้ตนเองเสื่อมทรามไปด้วยการนั้น

2 โครินธ์ 4:6 เพราะว่าพระเจ้าองค์นั้น ผู้ได้ตรัสสั่งให้ความสว่างออกมาจากความมืด ได้ทรงส่องสว่างเข้ามาในจิตใจของเรา เพื่อให้เรามีความสว่างแห่งความรู้ถึงสง่าราศีของพระเจ้าปรากฏในพระพักตร์ของพระเยซูคริสต์
4:7 แต่ว่าเรามีทรัพย์สมบัตินี้อยู่ในภาชนะดิน เพื่อให้เห็นว่าฤทธิ์เดชอันเลิศนั้นเป็นของพระเจ้า ไม่ได้มาจากตัวเราเอง

ยากอบ 1:14 -16 แต่ว่าทุกคนก็ถูกล่อลวง เมื่อตัณหาของตนเองชักนำให้กระทำผิด แล้วตัวก็กระทำตาม 1:15 ครั้นตัณหาเกิดขึ้นแล้ว ก็ทำให้เกิดบาป และเมื่อบาปโตเต็มที่แล้ว ก็นำไปสู่ความตาย 1:16 พี่น้องที่รักของข้าพเจ้า อย่าหลงผิดเลย

และ ในปัจจุบันนี้ ที่ซึ่งสถานะการณ์เช่นเดียวกันนี้ได้เผาไหม้ความปรารถนาในกิเลสตัณหาอยู่ใน หัวใจและความคิดที่เหมือนกับของอาดัมและอีฟ ที่ได้ต่อต้านคำปรึกษาของพระเจ้า จากนั้นก็เป็นในลักษณะเดียวกันที่ยังคงเผาไหม้ ปลุกเร้า กระตุ้นอยู่ในความคิดของทุกคนผู้ซึ่งอยู่ในความคิดฝ่ายเนื้อหนัง ความคิดของฝ่ายวิญญาณจะสามารถที่จะปลุกเร้าความปรารถนาและความคิดฝ่ายเนื้อหนังหรือ ? แต่ยังคงมีประชากรของเราที่ยังคงได้ถูกทดลองอยู่จนถึงทุกวันนี้ในลักษณะเช่นเดียวกับของอาดัมและอีฟ ไม่ใช่หรือ ที่ปรารถนาที่จะชื่นชอบในคำพูด/ความคิด ของการโกหก ของซาตาน นั้นเป็นความจริงมากกว่าที่จะเป็นคำปรึกษาของคำพูดของเรา พระเจ้าได้ตรัสดังนี้ คำ สอนผิดๆของมนุษย์ที่ได้เขียนขึ้นมา ขนมธรรมเนียมประเพณี กฏหมาย กฏเกณฑ์ หรือการปกครอง และคำสั่ง คำสอนของมนุษย์ ง่ายดายที่พวกเขาจะรับสิ่งเหล่านี้ในหัวใจ ของประชากรของเราในทุกวันนี้ด้วยคำยั่วยวนของคำพูดที่ปรากฏออกมาเป็นความถูก ต้องและเป็นความจริง เจ้าสามารถที่จะเห็น คำพูด/ความคิด ที่ไม่ได้มีฤทธานุภาพใดๆเลยในการที่จะช่วยปลดปล่อยพวกเขาออกจาก ความตายที่ได้ปกครองอยู่เหนือ คำพูด/ความคิด ของความคิดฝ่ายเนื้อหนัง

มาระโก 7:9 พระองค์ตรัสแก่เขาว่า "เหมาะจริงนะ ที่เจ้าทั้งหลายได้ละทิ้งพระบัญญัติของพระเจ้า เพื่อจะได้ถือตามประเพณีของพวกท่าน

อิสยาห์ 30:8 -13 บัดนี้ ไปเถอะ เขียนลงไว้บนแผ่นจารึกต่อหน้าเขา และจดไว้ในหนังสือเพื่อในเวลาที่จะมาถึง จะเป็นสักขีพยานเป็นนิตย์ 30:9 เพราะว่าเขาทั้งหลายเป็นชนชาติดื้อดึง เป็นลูกขี้ปด เป็นหลานที่ไม่ยอมฟังพระราชบัญญัติของพระเยโฮวาห์ 30:10 ซึ่งกล่าวแก่พวกผู้ทำนายว่า "อย่าเห็นเลย" และแก่ผู้พยากรณ์ว่า "อย่าพยากรณ์สิ่งที่ถูกต้องแก่เราเลย จงพูดสิ่งราบรื่นแก่เรา จงพยากรณ์มายา 30:11 ออกจากทางเสีย หันเสียจากวิถี ให้องค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลพ้นหน้าพ้นตาของเราเสีย" 30:12 เพราะ ฉะนั้นองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า "เพราะเจ้าดูหมิ่นถ้อยคำนี้ และวางใจในการบีบบังคับและการทุจริต และพึ่งอาศัยสิ่งเหล่านั้น 30:13 เพราะฉะนั้นความชั่วช้านี้จะเป็นแก่เจ้าเหมือนกำแพงสูงแยกออกโผล่ออกไปกำลังจะพัง ซึ่งจะพังอย่างปัจจุบันทันด่วนในพริบตาเดียว

อิสยาห์ 65:2 เรายื่นมือของเราออกตลอดวันต่อชนชาติที่มักกบฏ ผู้ดำเนินในทางที่ไม่ดี ติดตามอุบายของตนเอง 65:3 ชนชาติที่ยั่วเย้าเราให้กริ้วต่อหน้าอยู่เสมอ ทำการสักการบูชาตามสวน และเผาเครื่องหอมอยู่บนกองอิฐ